ในตอนเช้าที่แสนจะเร่งรีบและเวลาน้อย เมนูอาหารง่ายๆ เบาสบายท้องอย่าง เช่น ไข่เจียวออมเล็ตน่าจะเหมาะกับคุณๆทั้งหลาย…
ออมเล็ตเป็นไข่เจียวแบบฝรั่ง ที่นิยมรับประทานเป็นอาหารเช้าที่มีวิธีทำที่ง่ายมาก หน้าตาน่ารักน่ากินของไข่ทอดม้วนกลมๆ มีส่วนผสมของนมและ ผักต่างๆอีกเล็กน้อย มีลักษณะกรอบนอกนิดๆ ส่วนเนื้อในนุ่มฟู รับประทานกับซอสมะเขือเทศหรือมะเขือเทศสดฝานบางๆพร้อมน้ำผลไม้สดอีกสัก 1 แก้ว อิ่มท้องได้จนถึงเที่ยง เหมาะสำหรับเด็กและคนหนุ่มสาวในวัยที่กำลังเจริญเติบโต มาเริ่มทำเมนูง่ายๆ ไข่เจียวออมเล็ต นี้กันเลยค่ะ
คุณรู้หรือไม่ว่า ออมเล็ตนั้นมีมานานกว่าหลายร้อยปีเลยที่เดียว
ส่วนผสม ( สำหรับ 1 – 2 คน )
ไข่ไก่ 2 ฟอง หาได้ตามท้องตลาดทั่วไป
เนยละลายหรือน้ำมันรำข้าว 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นและพริกไทย 1/2 ช้อนชา
นมสด 2 ช้อนโต๊ะ 7-11 ก็มีขาย
ผักอื่นๆ เช่น มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ พริกหวาน เห็ดฟาง หรือ เห็ดนางฟ้า ทุกอย่างหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาด สี่เหลี่ยมลูกเต๋า รวมกัน ประมาณ ½ ถ้วย
วิธีทำ
1. ตอกไข่ใส่ชาม ตีไข่แดงและไข่ขาวให้พอเข้ากัน เติมนมสด เกลือ พริกไทย คนให้เข้ากัน แล้วใส่ผักที่หั่นไว้ คนให้เข้ากันอีกครั้ง
2. ตั้งกระทะใส่เนยหรือน้ำมันรำข้าวเล็กน้อย พอกระทะร้อนเทส่วนผสมทั้งหมดลงไป เมื่อไข่เริ่มสุกพออยู่ตัวโดยส่วนข้างบนยังสุกไม่มาก ค่อยๆใช้ตะหลิวตะล่อมม้วนไข่จาก ปลายด้านหนึ่งเข้าไปหาอีกด้านหนึ่ง จนได้เป็นก้อนกลม รีๆ รอสักครู่พอให้สุกทั่วกันจึง ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยเกลือกับพริกไทยอีกสักนิด เหยาะซอสมะเขือเทศหรือซอสพริก อีกหน่อยลงบนที่ว่างข้างไข่เพื่อเพิ่มรสชาติ
TIP : ถ้าใช้กระทะก้นแบนที่เป็นเทฟล่อนจะช่วยให้ม้วนได้ง่ายขึ้น เวลาม้วนไข่จะต้องทำอย่างเบามือ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ไข่แตก หมดสวยกันไปเลยละทีนี้
คุณๆที่กำลังอยู่ในช่วงรักษาหุ่นหรือลดความอ้วน แนะนำว่า ไม่ควรอดอาหารโดยเฉพาะมื้อเช้า เพียงแต่รับประทาน เมนูง่ายๆ เช่น ไข่เจียวออมเล็ต ที่ทำจากไข่ไก่สัก 2 ฟองในตอนเช้าได้เลยค่ะ ไข่แต่ละฟองมีพลังงานเพียง 75 แคลลอรี่เท่านั้นเอง ไข่เจียวแบบฝรั่งที่ชื่อ ออมเล็ต นี้ไม่เพียงแต่ให้สารอาหารอย่างพอเพียงเท่านั้น แต่ยังทำให้รู้สึกอิ่มแบบเบาๆ วิตามิน B1 และวิตามิน B2 ในไข่ มีส่วนช่วยขจัดไขมัน ส่วนธาตุเหล็กที่มีอยู่ช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือด ทำให้ใบหน้าสดใสด้วย
พบกันใหม่ในคราวหน้ากับเมนูง่ายๆ ที่อร่อยและวิธีทำก็ง่ายแสนง่ายนะคะ…
เมนูอาหารง่ายๆ – ไข่เจียวออมเล็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น